“นิวซีแลนด์” ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศต้นๆที่น้องๆหลายคนใฝ่ฝันอยากไปเรียนต่อ โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตัวเลขนักเรียนไทยบินไปเรียนต่อนิวซีแลนด์เพิ่มสูงขึ้นกว่า 25-30% ทั้งนี้เพราะด้วยระบบการจัดการที่ดี มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย อัตราค่าครองชีพไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับกฎหมายคุ้มครองนักเรียนต่างชาติ และการทำงานหารายได้ระหว่างเรียน
นางสาวช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงานแนะแนวการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ประเทศนิวซีแลนด์ Study in New Zealand by Education New Zealand (ENZ) and University of Canterbury (UC พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์ดีอย่างไรกับการทำงานในอนาคต โดยมี อาจารย์จาก University of Canterbury ประเทศนิวซีแลนด์ และวิทยากรจากศูนย์ศึกษาต่อต่างประเทศ (RSU Study Abroad Center) มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมให้คำแนะนำด้วย ณ RSU Study Abroad Center ชั้น 15 อาคาร RSU Tower สุขุมวิท 31 เมื่อเร็วๆ นี้
ภายในงานได้มีการแนะนำหลักสูตร Joint Master Programme กับ University of Canterbury สำหรับปริญญาโท ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัย Canterbury ของนิวซีแลนด์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเรียนต่อป.โทนิวซีแลนด์ ได้มีโอกาสปรับตัวก่อนไปเรียนจริง ประหยัดค่าครองชีพ ประหยัดค่าเล่าเรียน ได้ความรู้และประสบการณ์ที่ต่างประเทศ โดยจะ Workshop 3 เดือน ที่ประเทศไทยก่อน + ไปเรียนที่ University of Canterbury อีก 9 เดือน เรียนจบแล้วได้รับวุฒิปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ต่างประเทศ
นางสาวช่อทิพย์ ยังได้กล่าวให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์ดีอย่างไรกับการทำงานในอนาคต ว่า การเรียนจบที่นิวซีแลนด์จะช่วยให้สามารถเข้าทำงานได้ในทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากนิวซีแลนด์เป็นประเทศเดียวในโลกที่มหาวิทยาลัยทั้งหมด 8 แห่ง มีมาตรฐานติดอันดับท็อป 3% ของโลก และได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในการเตรียมความพร้อมนักเรียนที่มุ่งเน้นสู่อนาคตในบรรดาประทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก อีกทั้งมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ยังมีหลักสูตรและโปรแกรมที่หลากหลายในสาขาวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สาขาบริหารธุรกิจ, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์,การบริการสังคม, มนุษยศาสตร์ รวมถึงสาขาวิชาใหม่ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่และเป็นที่ต้องการของตลาดงานในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสร้างสรรค์ และวิทยาศาสตร์ข้อมูล และบริการด้านสุขภาพ นอกจากนี้นิวซีแลนด์ยังเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นผู้สร้างไอเดียที่สร้างสรรค์และนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆสู่ผู้ใช้เทคโนโลยีทั่วโลกอีกด้วย
“การเรียนที่นิวซีแลนด์ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและฝึกงานกับองค์กรระดับโลก เนื่องจากมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์มีการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับภาคอุตสาหกรรมและองค์กรพันธมิตร ช่วยสร้างโอกาสให้นักเรียนได้รับการฝึกงานและลงมือปฏิบัติจริงกับองค์กรระดับโลก เพิ่มประสบการณ์การทำงาน และเครือข่ายที่มีศักยภาพตั้งแต่ตอนเรียน มีโอกาสทำงานได้ระหว่างเรียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (Part-time Job Opportunity) 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนในหลักสูตรระยะยาวมากกว่า 14 สัปดาห์ขึ้นไป และหลังเรียนจบยังสามารถต่อวีซ่าทำงานที่นิวซีแลนด์ได้สูงสุดถึง 3 ปี ซึ่งถือว่ามากที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ การเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ ยังมีโอกาสได้สัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพราะมีผู้คนมากมายจากกว่า 163 ประเทศทั่วโลกมาอาศัยอยู่ร่วมกันในดินแดนแห่งนี้ ช่วยให้นักเรียนได้สัมผัสบรรยากาศสังคมแบบสากล และสร้างเครือข่ายคอนเน็กชั่นกับเพื่อนๆจากทั่วทุกมุมโลก” นางสาวช่อทิพย์ กล่าว
สำหรับผู้สนใจสมัครเรียนหลักสูตร Joint Master Programme กับ University of Canterbury
เปิดรับสมัครถึงวันที่ 25 พ.ค. 2566 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-258 5159 หรือ Line ID: @rsustudyabroad