เมื่อเอ่ยถึงอาชีพ โปรแกรมเมอร์-หรือนักคอมพิวเตอร์ หลายท่านทราบดีว่ามีความสำคัญมากๆ ในยุคดิจิทัล ที่คนทั่วโลกใช้คอมพิวเตอร์ สื่ออิเล็กทรอนิค และท่องโลกโซเชียลจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ผู้อยู่เบื้องหลังเหล่านี้คือนักพัฒนาระบบ หรือนักคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ ที่ทำหน้าที่นำข้อมูลไปออกแบบรายละเอียดการวางโครงสร้างระบบคอมพิวเตอร์ โดยเขียนโปรแกรมด้วยภาษาทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกัน และทดสอบเพื่อทำให้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาชีพโปรแกรมเมอร์ จึงมีความสำคัญมากๆ มีโอกาสก้าวหน้าทางอาชีพและเงินค่าตอบแทนที่สูง บางคนที่มีประสบการณ์ สามารถพัฒนาไปเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือเป็นนักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะขึ้นตำแหน่งผู้บริหารได้…
มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านคนพิการระดับสากล ที่ให้ความช่วยเหลือเยาวชนคนพิการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้ดำเนินการจัดการศึกษาการฝึกอาชีพ การจัดหางาน เพื่อให้คนพิการได้พึ่งพาตนเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง เลี้ยงครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม มูลนิธิฯ ได้ช่วยฝึกอาชีพให้ผู้พิการเหล่านี้ให้มีความชำนาญ สามารถทำงานได้เกือบทุกประเภทเหมือนคนปกติ อาทิ นักกฎหมาย ศิลปิน นักบัญชี นักวิเคราะห์ทางการเงิน วิศวกร เกษตรกร เป็นต้น และอีกหนึ่งอาชัพที่มาแรง! ในขณะนี้คือ อาชีพนักคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์ เป็นที่ต้องการของตลาด ที่ไม่ตกงานในยุคดิจิทัลนี้
และวันนี้เรามี 2 นักโปรแกรมเมอร์ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของมูลนิธิมหาไถ่ฯ ที่ประสบความสำเร็จมาเล่าประการณ์และความสำคัญของอาชีพนี้มาฝากกัน…
คุณกุ้ง – นายสมปอง จันทร์พวง ได้ฝึกอบรมและจบการศึกษาวิชาชีพหลักสูตรการพัฒนาระบบสารสนเทศ โรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ ซึ่งก็คือวิทยาลัยฯ พระมหาไถ่ในปัจจุบัน จบปริญญาตรี หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ม.แห่งหนึ่ง ซึ่งมีประสบการทำงานมากมาย อาทิ เป็นเจ้าหน้าที่สารสนเทศของบริษัทเอกชน มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ และปัจจุบันเป็นนักพัฒนาระบบสารสนเทศ มูลนิธิฯ พัฒนาและดูแลระบบจัดการฐานข้อมูลคนพิการ Customer Relationship Management 1479 Call Center (CRM 1479) เป็นต้น
“ผมมองว่างานโปรแกรมเมอร์ เป็นงานที่ตอบรับกับสังคมและธุรกิจยุคใหม่ ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสในการพัฒนาตนเองและองค์กรให้สอดรับกับเทคโนโลยีและความต้องการข้อมูลที่รวดเร็ว สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น มีโอกาสที่เติบโตในสายอาชีพ มีรายได้ดีและมั่นคง อีกทั้งเมื่อมีโอกาสนำความรู้ความสามารถที่มีมาช่วยพัฒนาน้องๆ คนพิการในรุ่นถัดไปให้มีโอกาสมากยิ่งขึ้น และช่วยเหลือสังคมในยามที่มีโอกาส ต้องขอบคุณมูลนิธิฯ ที่มอบโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง จากที่ชีวิตที่เป็นศูนย์สู่ความเป็นมนุษย์ที่ดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างภาคภูมิอีกครั้ง”
ด้านคุณวี -นายบวรสิทธิ์ พันธ์ศิริ ผมเป็นศิษย์เก่าของมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ ได้เรียนจบจากมหาไถ่ในปี 2545 และจบปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ ม.เอกชนแห่งหนึ่ง ปัจจุบันทำงานเป็น โปรแกรมเมอร์ ตำแหน่ง Project Manager รับผิดชอบ พัฒนาระบบงาน เก็บข้อมูลการผลิต และรายงานสรุป หรือพัฒนาระบบงานที่ผู้ใช้งานต้องการ บริษัทเอกชน ซึ่งที่ผมเลือกเรียนด้านโปรแกรมเมอร์ เพราะเป็นพื้นฐานของทุกวิชาชีพที่สามารถไปต่อยอดได้ การได้ฝึกการใช้คอมพิวเตอร์จนชำนาญ จะช่วยให้เราได้คิดวิเคราะห์ หรือแก้ปัญหาจากโจทย์ของการเขียนโปรแกรมต่างๆได้
และที่ผ่านมาผมได้ช่วยงานที่มูลนิธิมหาไถ่ฯ อย่างต่อเนื่อง เช่น ทำโครงการร่วมกับบริษัทเดิม สนับสนุนโครงการ SOS Rice โดยการนำข้าวสารไปบริจาค สอนงานน้องที่กำลังจะจบปีสุดท้าย โดยการนำความรู้ในการทำงานอยู่ปัจจุบันแชร์ และสอนการเขียนโปรแกรม ร่วมกับมูลนิธิฯ แชร์ประสบการณ์การทำงานให้กับน้องๆ ที่เข้ามาเรียนใหม่ และร่วมงานในส่วนของ 1479 พัฒนาระบบจัดเก็บ ข้อมูล Call Center เป็นต้น และผมต้องขอขอบคุณมูลนิธิฯ เป็นอย่างสูงที่ช่วยพัฒนาคนพิการไห้มีความรู้ความสามารถ เพื่อนำความรู้ความสามารถนี้ไปประกอบอาชีพ เลี้ยงดูตนเอง และคนรอบข้าง ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอยู่ในสังคมอย่างภาคภูมิ
อาชีพโปรแกรมเมอร์… นับเป็นอาชีพที่บอกได้เลยว่าดี เหมาะกับคนที่ชอบเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ สนใจที่จะหาคำตอบ แก้ไขปัญหาที่เจอและพร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา คอยเติมความรู้ อัปเดตข้อมูลใหม่ๆทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้เป็นโปรแกรมเมอร์ที่เก่ง -ทำงานอย่างมีความสุข สนุก หรือใครที่สนใจอยากทำอาชีพโปรแกรมเมอร์ กำลังมองหางานสาย IT ก็ลองดูกับความท้าทายสิ่งใหม่ๆ ในโลกยุคดิจิตอลนี้…..
ท่านสามารถดูรายละเอียดมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ เพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.mahatai.org