นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับ  คณะผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital CEO) รุ่นที่ 4 คน อาทิ นายกนิษฐ์ สัญชาตวิรุฬห์ นายธนพงษ์ ณ ระนอง นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร นายภุชพงค์ โนดไธสง นายวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์ นายชาตรี เวทสรณสุธี  พลตรีเทวมิตร พลภักดี  เพื่อศึกษาดูงาน ไมโครซอฟท์ฯ  ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในองค์กรตัวเอง ซึ่งคณะผู้บริหารต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ณ บริษัท ไมโครซอฟท์ ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ เมื่อเร็วๆนี้

           ศูนย์นวัตกรรมมหาไถ่ (Mahatai Innovation Center: MIC)  ผุดไอเดียเก๋กับนวัตกรรมสุดล้ำ!  “สกูตเตอร์ไฟฟ้า” ยานพาหนะสำหรับผู้พิการแบบ Customize ผลงานสร้างสรรค์จากการผสมผสานและพัฒนาจากยานพาหนะของคนพิการ ได้แก่ รถพ่วงข้าง, รถไฟฟ้า รวมถึงซ่อมบำรุงกายอุปกรณ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วยตัวเอง พร้อมชูจุดเด่นสกูตเตอร์ไฟฟ้า รถไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นพาหนะต้นแบบ และพร้อมต่อยอดพัฒนาเพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้งานต่อไป…

           นายไพฑูรย์ ชัยอารีย์เลิศ ผู้จัดการ ศูนย์นวัตกรรมมหาไถ่ (Mahatai Innovation Center: MIC)  กล่าวว่า ศูนย์นวัตกรรมมหาไถ่ จัดดั้งขึ้นเพื่อต้องการสร้างองค์กรให้เป็นต้นแบบในการเพิ่มศักยภาพให้กับคนพิการ โดยนำความรู้และศักยภาพของบุคคลากรคนพิการที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ และเครือข่ายมาต่อยอดด้านธุรกิจพร้อมมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นมาใหม่และที่มีอยู่มาพัฒนาเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ให้บริการแก่ผู้ที่มีความต้องการในสังคม ดังนั้นศูนย์นวัตกรรมฯ จึงเป็นศูนย์ซ่อม บำรุงรักษา-สร้างนวัตกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสังคมในมุมกว้าง

         ล่าสุด ศูนย์นวัตกรรมมหาไถ่ ผุดไอเดียสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมเพื่อคนพิการ “สกูตเตอร์ไฟฟ้า ยานพาหนะสำหรับผู้พิการแบบ Customize” ผลงานของน้องๆ ผู้พิการที่ได้ร่วมกันผลิตอย่างสร้างสรรค์นั้นด้วยทีมเรามีน้องๆ ที่มีพื้นฐานในเรื่องของอิเล็กทรอนิค การขับเคลื่อนยานพาหนะโดยระบบไฟฟ้านั้นจึงไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานเท่าไหร่ แต่ความยากจะเป็นในเรื่องการดีไซน์โครงสร้างว่าจะมีการออกแบบอย่างไร? เพื่อจะได้เหมาะสมกับผู้ที่จะใช้งานและสามารถใช้งานได้ง่ายสะดวกที่สุด

           การผลิตสกูตเตอร์ฯ ยานพาหนะสำหรับผู้พิการแบบ Customize จึงมีแนวความคิดที่ผสมผสานและพัฒนามาจากยานพาหนะสำหรับคนพิการมาจาก อาทิ รถพ่วงข้าง, รถไฟฟ้า, รวมถึงซ่อมบำรุงกายอุปกรณ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในเรื่องของยานพาหนะสำหรับผู้พิการนั้นแรกเริ่ม ศูนย์ฯ ได้ทำรถพ่วงข้างสำหรับคนพิการแบบดัดแปลงรถจักรยานยนต์มาประกอบกับพ่วงข้าง สำหรับคนพิการที่มีความจำเป็นเดินทางไกลไปทำธุระ  ซึ่งพวกเขาก็จะสามารถพักวีลแชร์ที่พ่วงด้านข้าง และเคลื่อนตัวไปนั่งขับจักรยานยนต์แบบคนปกติ

           นอกจากนี้ ในบางกรณีเราพบว่า ถ้าเป็นผู้พิการที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวได้ แต่ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดและไม่สะดวกที่จะโดยสารรถสาธารณะ เราจึงมาร่วมกันระดมสมองเพื่อที่จะแก้ไขจุดนี้โดยได้ไอเดียที่ว่า หากดัดแปลงย้ายคอจักรยานยนต์มาอยู่ที่ส่วนของพ่วงข้าง ผู้พิการดังกล่าวก็จะสามารถขับขี่จักรยานยนต์นี้ได้โดยไม่ต้องย้ายตัวไปนั่งขับแบบคนปกติ ซึ่งเป็นการเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับคนพิการได้อย่างสร้างสรรค์อีกด้วย

           นับเป็นผลงานสุดล้ำที่ทางศูนย์นวัตกรรมมหาไถ่ ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ผู้สูงอายุ และคนทั่วไปเพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้งานได้เป็นอย่างดีและพร้อมต่อยอดพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก

           พร้อมกันนี้ “เพื่อเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือน้องๆ คนพิการที่อยู่ในความดูแลของศูนย์นวัตกรรมฯ ให้มีกำลังใจและเป็นแรงผลักดันในการคิดค้น – ประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ฯ พร้อมกับการต่อยอดและพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ดังนั้นท่านใดสนใจบริการและผลิตภัณฑ์โดยคนพิการ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่ นายอามอญ ดุกสี ผู้ช่วยผู้จัดการการตลาด เบอร์โทรศัพท์ 085-2803-622

           หากท่านผู้มีจิตศรัทธาประสงค์จะร่วมสนับสนุนบริจาคเงิน สามารถโอนเงินผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0  และสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้  ถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่โทรศัพท์ 02-572-4042 ต่อ 8300 และ มือถือ 089-936-7598”  ผู้จัดการ ศูนย์นวัตกรรมมหาไถ่ กล่าวในท้ายสุด

          นางอาทิชา นราวรวัชร ผู้จัดการ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (TRIP)  และนพ.ขวัญประชา  เชียงไชยสกุลไทย นักวิจัยสำนักพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศประเทศ (IHPP) เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการจัดรูปแบบบริการทางสังคม-ตอบสนองความต้องการของคนพิการทุกประเภท โดยมีนายเอกนรินทร์ สวัสดิ์แวงควง ผู้จัดการ กลุ่มสานพลังเครือข่าย และกิจการพิเศษมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ให้การต้อนรับฯ ณ มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ พัทยา จ. ชลบุรี  เมื่อเร็วๆนี้

             ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า นำคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมรุ่นที่ 3 (CDA#3) อาทิ นายกรินทร์  นนทปัทมะดุลย์  ดร.สิทธิเดช ร้อยกรอง นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ฯลฯ เพื่อศึกษาดูงานศูนย์การเรียนรู้นวัตกรรมและแลกเปลี่ยนความรู้ โดยมี ดร. กรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช) ให้การต้อนรับ ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)  เมื่อเร็วๆนี้

          นายวิรัช  เสรีภาณุ กรรมการ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “แม็คยีนส์”  แบรนด์ยีนส์อันดับหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 45 ปี ร่วมสนับสนุนกิจกรรมฯ ของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ โดยมอบเสื้อผ้าแม็คยีนส์ให้กับน้องๆ ซึ่งเป็นนักเรียนประจำและเจ้าหน้าที่ผู้พิการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ กว่า 800 คน  โดยมี นายณรงค์ รัตนโสภา ผู้แทนมูลนิธิฯ เป็นผู้รับมอบฯ ณ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด  สุขาภิบาล2  เมื่อเร็วๆนี้

          พระสิริธีรคุณ (เจ้าคุณพรหมา ชยานนฺโท) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในงานทำบุญประจำปี 2565 ของบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ซึ่ง นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยางรถยนต์รายใหญ่ของไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นางสุชญา-นางสาววิมลลักษณ์ ยงเห็นเจริญ นำทีมผู้บริหารและพนักงาน ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรมีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ร่วมใจทำบุญ ถวายภัตตาหารเพล และเครื่องจตุปัจจัยไทยทาน แด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 9 รูป เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ให้บริษัทได้เจริญกิจการก้าวหน้า และเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้บริหาร –พนักงานในองค์กร ให้มีกำลังใจ สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ณ โรงงานบริษัทชลิต อินดัสทรีฯ บางแค กรุงเทพฯ

Education New Zealand welcomes the announcement of New Zealand’s borders reopening for international students

Education New Zealand Manapou ki te Ao (ENZ) welcomes the Government’s announcement to reopen

New Zealand’s borders. This is a positive step for international education.

The announcement outlined a five-step process for reopening borders from 28 February 2022, initially for New Zealanders to return from Australia and then from the rest of the world.

The Government also announced a fourth border exception class for up to 5,000 international students to enter New Zealand from April 2022 to study for semester two this year, in addition to the earlier cohorts approved in 2020 and 2021.

From October 2022 normal visa processing will resume, enabling international students to enroll for study in New Zealand in 2023.

ENZ Chief Executive Grant McPherson says today’s announcement is an important step towards rebuilding a strengthened and sustainable international education sector. “The border reopening steps outlined today enable the international education sector to progressively open through 2022 for the existing cohorts, with a new much larger cohort able to enter New Zealand for study before semester two. More details of the new student cohort will be determined by the Ministers of Education and Immigration and advised in due course.

“There’s also an opportunity for students from Visa Waiver countries such as Japan and South Korea to enter New Zealand from July for short visits of up to three months.

“The Government has demonstrated their commitment to international students and educational institutions in 2023, with normal visa processing resuming in October 2022. This means international students can plan towards being in New Zealand for courses starting in 2023.”

Mr. McPherson said education providers could now plan with greater certainty for the year ahead.

“It has been an incredibly challenging period for New Zealand education providers, international students, and those who support them. The sector has shown considerable patience as the borders were carefully managed to minimize the threat posed by COVID-19. Today’s announcement is an opportunity to rebuild and reshape the sector to meet the challenges ahead.”

Mr. McPherson said the innovation and diversification into online learning and delivery of courses offshore, including pathway programmes over the last few years, would remain a feature in the industry as it moved forward. Today’s announcement also prepares the way for New Zealand students to resume international studies abroad in the future.

“All New Zealand education providers know the value of building international partnerships, and developing new ways of meeting student needs. These are important building blocks for future resilience and quality education outcomes.

“In addition, from 14 March 2022 students entering New Zealand through the border exception cohorts will have the opportunity to self-isolate, rather than going through Managed Isolation and Quarantine facilities – subject to complying with all the required health and border requirements.”

Mr McPherson stressed the importance of seeking advice before moving forward with applications for enrolment. Students who have questions about this border class exception should contact their agent or preferred education provider in the first instance.

Students can also visit NauMai NZ, which provides useful information for international students in New Zealand or preparing to travel to New Zealand.

He rā ki tua – Better days are coming!

             รายงานข่าวจากหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand; ENZ) แจ้งว่า รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศเตรียมเปิดพรมแดนต้อนรับนักเรียนต่างชาติกลับเข้าประเทศอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลดีกับการศึกษานานาชาติ ประกาศดังกล่าว ระบุ 5 ขั้นตอนของการเปิดพรมแดนประเทศนิวซีแลนด์อีกครั้ง

             1.) ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป โดยเริ่มจากเปิดรับชาวนิวซีแลนด์ที่จะเดินทางกลับจากออสเตรเลียและจากส่วนอื่นๆ ของโลก

             2.) รัฐบาลนิวซีแลนด์ยังได้ประกาศอนุญาตให้นักเรียนต่างชาติกลุ่มที่ 4 จำนวนมากถึง 5,000 คน สามารถเดินทางเข้านิวซีแลนด์ได้ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2565 เพื่อกลับเข้าไปศึกษาต่อในภาคการศึกษาที่ 2 โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้อนุญาตให้นักเรียนกลุ่มนี้ได้ทยอยเข้าประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 และพ.ศ. 2564

             3.) การดำเนินการเรื่องวีซ่าจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ทำให้นักเรียนต่างชาติสามารถลงทะเบียนเรียนในประเทศนิวซีแลนด์ได้ในปี พ.ศ. 2566

             4.) นักเรียนจากประเทศที่มีโปรแกรมยกเว้นการขอวีซ่า เช่น ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะสามารถเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์ได้อีกครั้ง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยสามารถเดินทางเข้ามาอยู่ได้ในระยะสั้น นานสูงสุด 3 เดือน

             5.) ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2565 นักเรียนที่เดินทางเข้ามายังประเทศนิวซีแลนด์ในกลุ่มนักเรียนที่ได้รับสิทธิ์ได้รับข้อยกเว้นด้านพรมแดนให้กักตัวเองที่บ้านได้ โดยไม่ต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการโควิด-19 ในสถานกักกันที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพและพรมแดนที่จำเป็นทั้งหมด

             อย่างไรก็ตามนักเรียนที่มีคำถามเกี่ยวกับข้อยกเว้นของกลุ่มนักเรียนที่ได้รับการยกเว้นด้านพรมแดนให้เข้าประเทศได้ก่อนนักเรียนปกติกลุ่มอื่น ๆ ควรติดต่อสอบถามรายละเอียดจากหน่วยงานที่เป็นตัวแทนหน่วยงานบริการการศึกษา หรือจากสถาบันการศึกษาโดยตรงเป็นลำดับแรก อีกทั้ง นักเรียนยังสามารถเยี่ยมชม NauMai NZ (https://naumainz.studyinnewzealand.govt.nz/) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับนักเรียนต่างชาติในนิวซีแลนด์หรือผู้ที่เตรียมเดินทางมายังประเทศนิวซีแลนด์ หรือเว็บไซต์ของ ENZ ได้ที่ https://www.enz.govt.nz/

             นายกร้านท์  แม็คเฟอร์สัน (Mr.Grant McPherson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Education New Zealand กล่าวว่า การประกาศเปิดพรมแดนครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างการศึกษานานาชาติให้เข้มแข็งและยั่งยืนขึ้นใหม่ ขั้นตอนการเปิดพรมแดนครั้งนี้ ทำให้ภาคการศึกษานานาชาติสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้งย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยเริ่มต้นจากนักเรียนกลุ่มแรกที่กำลังเดินทางเข้าประเทศตามสิทธิ์ได้รับข้อยกเว้นด้านพรมแดน และนักเรียนกลุ่มใหม่ที่เป็นกล่มใหญ่กว่าเดิมที่จะเดินทางเข้ามาศึกษาต่อในภาคเรียนที่ 2  ของปีนี้  สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มนักเรียนใหม่ที่จะเดินทางเข้าประเทศจะถูกกำหนดโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและรัฐมนตรีว่าการการตรวจคนเข้าเมือง และจะได้รับคำแนะนำในเวลาที่เหมาะสม

              “รัฐบาลได้แสดงความตั้งใจและความยึดมั่นให้กับนักเรียนต่างชาติและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการเริ่มต้นเข้าเรียนในประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2566 โดยจะเริ่มดำเนินการพิจารณาด้านวีซ่าตามปกติในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 นั่นหมายความว่า นักเรียนต่างชาติสามารถวางแผนเพื่อเรียนต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ในหลักสูตรที่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2566”

              “ขณะนี้สถาบันการศึกษาสามารถวางแผนการดำเนินงานในปีหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น แม้ในช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่แสนท้าทายสำหรับสถาบันการศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ นักเรียนต่างชาติ และผู้ที่สนับสนุนพวกเขา แต่ภาคการศึกษานานาชาติของเราได้แสดงให้เห็นว่า ทุกภาคส่วนมีความอดทนอย่างมากในระหว่างที่พรมแดนยังมีการบริหารจัดการเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  การประกาศเปิดพรมแดนดังกล่าวของรัฐบาล ถือเป็นโอกาสในการสร้างและปรับเปลี่ยนทุกภาคส่วนใหม่ เพื่อตอบสนองความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า” นายแมคเฟอร์สัน กล่าวและเพิ่มเติมว่า

             “นวัตกรรมและการปรับรูปแบบการเรียนรู้ไปทางออนไลน์และการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนต่อในระดับปริญญาต่าง ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะยังคงเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการศึกษาเพื่อการก้าวต่อไปข้างหน้าด้วย การประกาศของรัฐบาล ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนนิวซีแลนด์ได้กลับไปศึกษาต่อต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย”

             นางสาวช่อทิพย์ ประมูลผล  ผู้อำนวยการ ประจำประเทศไทย Education New Zealand สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่ามีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงติดอันดับต้นๆของโลกและได้รับการยอมรับด้านระบบการศึกษาที่เหมาะแก่การเรียนรู้สู่อนาคต (future-focused education) โดยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1  ในการเตรียมความพร้อมนักเรียนสู่อนาคต จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จากการจัดอันดับของ Worldwide Educating for the Future Index 2019 โดย The Economist Intelligence Unit  ทำให้นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายปลายทางด้านการศึกษานานาชาติชั้นนำของโลกโดยในแต่ละปีมีนักเรียนนานาชาติกว่า 125,000 คน จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักเรียนไทย ในปี 2019 มีนักเรียนไทยศึกษาอยู่ในนิวซีแลนด์กว่า 3,000 คน

             “เป็นที่ทราบกันดีว่านิวซีแลนด์มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดมาก ฉะนั้นการประกาศเปิดพรมแดนรับนักศึกษาต่างชาติของนิวซีแลนด์ครั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีของนักเรียนต่างชาติ รวมถึงนักเรียนไทยที่รอคอยจะกลับไปศึกษาต่อ รวมถึงผู้ที่ต้องการสมัครเรียนใหม่สำหรับปีการศึกษา 2566 ทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ก็จะเปิดรับพิจารณาวีซ่านักเรียนใหม่แล้วในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19” นางสาวช่อทิพย์ กล่าวสรุป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Education New Zealand (ENZ)

             Education New Zealand เป็นหน่วยงานรัฐบาลของนิวซีแลนด์ที่รับผิดชอบในการประชาสัมพันธ์ระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์ไปเผยแพร่ทั่วโลก โดยมีสำนักงานในนิวซีแลนด์และอีก 13 แห่งทั่วโลก บทบาทของเราคือ การดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลด้านการศึกษานานาชาติ โดยการส่งเสริมนิวซีแลนด์ให้เป็นจุดหมายปลายทางการศึกษานานาชาติที่สร้างประสบการณ์ให้กับนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุด

             เพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 Education New Zealand ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาภาคส่วนการศึกษาของนิวซีแลนด์ให้มีความยืดหยุ่น ยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์ “POP” พร้อมด้วย นางมนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ กรรมการ บริษัทฯ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพการทำงานของพนักงานในองค์กร ต้อนรับศักราชใหม่และเตรียมความพร้อมเปิดโรงงานแห่งใหม่ ช่วยสร้างพลังและแรงจูงใจในการทำงานอย่างมีเป้าหมายในปีพ.ศ.2565  ณ โรงงานชลิต อินดัสทรี ฯ เมื่อเร็วๆ นี้

         นายรัชกฤต สงวนชีวิน ผู้จัดการฝ่าย Business Value Creation บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้การต้อนรับ ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมรุ่นที่ 3 อาทิ นางสาวนันทภรณ์ อังศุกุลธร นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ  ดร.จรวยพรภัทร  ลีสมสิริ   นายชวลิต หวังธำรง นายวิภู รักษ์นภาพงศ์ เป็นต้น เพื่อศึกษาดูงานศูนย์การเรียนรู้นวัตกรรมเกษตรเพื่ออนาคต คูโบต้าฟาร์ม ฟาร์มที่สร้างประสบการณ์เกษตรสมัยใหม่ระดับภูมิภาคอาเซียนและเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาประยุกต์ใช้ พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กร ณ คูโบต้าฟาร์ม จ.ชลบุรี เมื่อเร็วๆนี้