ดังที่ทราบกันอยู่แล้วว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงเสียสละบำเพ็ญพระกรณียกิจในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เพื่อมุ่งช่วยเหลือพสกนิกรผู้ตกทุกข์ได้ยากมาเป็นเวลายาวนาน ทรงลงพื้นที่เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบความเดือดร้อน ทรงประทานทรัพย์ ส่วนพระองค์ให้ไว้แก่โครงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาผู้หญิงและเด็ก ซึ่งทรงห่วงใยเป็นอย่างยิ่งเสมอมา ทรงรับโครงการสำคัญๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์หลายโครงการด้วยกัน อาทิ โครงการ “ช่วยลดการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก” “กองทุนยาพระวรราชาทินัดดามาตุสำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์” “กองทุนพระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อช่วยลดการติดเอดส์จากแม่ลูก” “กองทุนนมสำหรับเด็กในโครงการช่วยลดการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก” และ “โครงการคืนชีวิตให้พ่อแม่เพื่อลูกน้อยที่ติดเอดส์” นอกจากนี้ยังทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพของ “มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย” ทรงมีความสัมพันธ์อันดีกับ “มูลนิธิเด็กโลก” ส่งผลให้ความช่วยเหลือในด้านที่เกี่ยวกับเด็กหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย
ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง เลขาธิการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เปิดเผยว่า เมื่อมูลนิธิคุณแม่คุณภาพได้ก่อตั้งกองทุนเพื่อหารายได้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศ ทางมูลนิธิฯ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จมาเปิดกองทุนนี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2544 และได้ทรงประทานเงินส่วนพระองค์ จำนวน ๑ ล้านบาท สำหรับเป็นงบตั้งต้นของกองทุน และทรงประทานชื่อกองทุนนี้ว่า “กองทุนโรคมะเร็งในเด็ก ในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” โดยมีพระดำริว่าอยากที่จะสนับสนุนช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทรงมีรับสั่งว่าเมื่อจัดตั้งกองทุนนี้แล้ว มิใช่เพื่อโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง เพราะฉะนั้นเงินที่ได้มาทางกองทุนฯ จึงกระจายไปทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ขอความช่วยเหลือเข้ามา และในปัจจุบันนี้มีโรงพยาบาลกว่า ๒๐ แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง โรงพยาบาลศูนย์พิษณุโลก โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โรงพยาบาลศรีสะเกษ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งทางกองทุนฯ ได้ให้เงินสนับสนุนโรงพยาบาลต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการปลูกถ่ายไขกระดูกจนถึงปัจจุบันเป็นจำนวนกว่า ๒๐๐ ราย นอกจากนี้นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ทางกองทุนฯ ได้เพิ่มความช่วยเหลือค่ายาที่จำเป็นให้โรงพยาบาลในเครือข่ายในการรักษาโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็กซึ่งเป็นโรครักษายากอีกด้วย นอกจากนี้ในปี ๒๕๖๐ และ ๒๕๖๑ ได้ทรงประทานเงินส่วนพระองค์ อีกปีละจำนวน หนึ่งล้านบาท ล่าสุดเมิ่อ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ ได้ประทานพระอนุญาตแก้ไขชื่อกองทุนฯ เป็น กองทุนโรคมะเร็งในเด็ก ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ”
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กซึ่งอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๑๕ ปี มีอุบัติการณ์ในแต่ละปีประมาณ ๑,๐๐๐ รายและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าอะไรเป็นต้นเหตุ แต่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูว่าดีหรือไม่ดี หากจะมีเพียงร้อยละ ๑-๓ เท่านั้นที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคมะเร็งจอภาพตาของนัยน์ตา ในขณะนี้พบว่าเด็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากที่สุด ร้อยละ ๓๐ รองลงมาคือมะเร็งเนื้องอกในสมอง ร้อยละ ๒๐ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ร้อยละ ๑๕ มะเร็งต่อมหมวกไต ร้อยละ ๑๐ ส่วนมะเร็งไต มะเร็งกระดูกและกล้ามเนื้อลาย มะเร็งตับ มะเร็งลูกนัยน์ตา และโรคมะเร็งอื่นๆ พบในสัดส่วนที่เท่ากัน คือร้อยละ ๕
รูปแบบในการให้ความช่วยเหลือของกองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ คือช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษา รวมทั้งค่ายา ค่าเดินทางมาตรวจรักษา ค่าที่พัก ตลอดจนเวชภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง เช่น การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต โดยในแต่ละปีทางกองทุนฯ ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยดังกล่าวผ่านทางแพทย์ที่ทำการรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด จากความช่วยเหลือของกองทุนฯทำให้อัตราการรอดชีวิตแล้วหายขาดจากโรคมีจำนวนมากขึ้น จนกล่าวได้ว่าผู้ป่วยมะเร็งเด็กมีโอกาสหายขาดจากโรคได้ถึงร้อยละ ๘๐ ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันทางกองทุนฯ ยังได้สนับสนุนให้กลุ่มแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคมะเร็งในเด็กได้ทำการวิจัยอีกด้วย นั่นคือ ได้มอบเงินให้กับชมรมโรคมะเร็งในเด็กตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ทำการวิจัยในการรักษาโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในระยะลุกลามให้มีโอกาสหายขาดมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันชมรมโรคมะเร็งในเด็กมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเป็นจำนวนกว่า ๒๐ แห่งด้วยกัน จากความช่วยเหลือของกองทุนฯ ทำให้เด็กที่เป็นมะเร็งมีโอกาสหายขาดมากขึ้นแล้วยังทำให้วงการแพทย์ไทยมีโอกาสทำกาวิจัยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศอีกด้วย
นอกจากการรักษาโรคมะเร็งในเด็กให้หายขาดมากขึ้นแล้ว ทางกองทุนฯ ยังได้ช่วยเหลือให้เด็กมีโอกาสทุพพลภาพน้อยลง เช่น ได้มอบเงินค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์แขนขาโลหะที่ใช้แทนกระดูกที่เป็นมะเร็งที่ถูกตัดออก ทำให้เด็กไม่ต้องถูกตัดแขนขาออกไป
สำหรับค่าเดินทางก็มีความสำคัญมาก ในคนไข้เด็กบางรายหยุดการรักษาไปเฉยๆ เพราะว่าพ่อแม่ไม่มีค่าเดินทางมาโรงพยาบาล และอีกประการหนึ่ง ซึ่งสำคัญยิ่งกว่า คือค่าเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก สำหรับคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เพราะค่าเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกรวมถึงค่ารักษาพยาบาลต่างๆ จะมีประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ฉะนั้นกองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ ก็จะช่วยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายนี้ด้วย ที่ผ่านมามีกว่า ๒๐ โรงพยาบาลที่ทางกองทุนฯได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้ว เนื่องจาก ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ของเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งทางบ้านมีฐานะยากจน บางคนอย่าว่าแต่ค่าบำบัดรักษาเลย ค่าเดินทางก็ยังไม่มี เราก็ต้องออกค่าเดินทางให้เขาด้วยและยาบางตัวที่โครงการ ๓๐ บาทไม่ครอบคลุม แต่เป็นยาที่มีความจำเป็นกับคนไข้ กองทุนฯ ช่วยเหลือสนับสนุน
นับตั้งแต่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงรับกองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ ไว้ในพระอุปถัมภ์จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๑๙ ปีแล้ว ที่ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศ และยังทรงมีพระดำรัสห่วงใยในสถานการณ์ของภาวะโรคมะเร็งในเด็ก ซึ่งยังมีอัตราสูงทุกปี ถึงแม้ว่าความก้าวหน้าทางการรักษาจะพัฒนาไปมากขึ้นกว่าเดิม กล่าวได้ว่า กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ มีคุณูปการอันสูงยิ่งต่อวงการแพทย์ นอกจากช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ยากไร้แล้ว ยังถือเป็นกองทุนตั้งต้น สำหรับงานศึกษาวิจัยเพื่อความก้าวหน้าทางการรักษาต่อไปในอนาคต
13 กรกฎาคม นี้ ตรงกับวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและขอถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน