Archive | กันยายน 17th, 2019

แพทย์ราชวิถีเตือน! เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม “มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก”

แพทย์ราชวิถีเตือน! เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม “มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก”

Posted on 17 กันยายน 2019 by writer

          ปัจจุบันผู้หญิงเมื่อมีอายุมากขึ้นก็จะหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ทานอาหารเสริม ยาสมุนไพร เพื่อลดอายุ เพราะอยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง – ดูอ่อนกว่าวัย และหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บที่จะมาเยี่ยมเยียน โดยเฉพาะหากท่านเป็นผู้หญิงที่อายุ 50 ปี ขึ้นไป เป็นช่วงที่ประจำเดือนเริ่มหมดหรือเรียกว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทอง ผู้หญิงที่อ้วน หรือไม่มีบุตร ท่านอาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็เป็นได้ เพราะมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมักเกิดขึ้นกับ ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน แต่ถ้ามาพบแพทย์ตั้งแต่แรกเริ่มมีอาการก็สามารถรักษาได้…

DSC_5646_resize_resize

          มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรีไทยโดยพบประมาณ 3 คน /แสนราย/ปี ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา หรือยุโรป พบบ่อยเป็นอันดับ 1 ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา ที่เริ่มมีอาหาร ลักษณะความเป็นอยู่คล้ายคลึงประเทศแถบตะวันตกมากขึ้นทุกที จึงพบการเกิดมะเร็งชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนแต่ในปัจจุบันเริ่มพบในผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปี มากขึ้น

          มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ พบว่าการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนเป็นปัจจัยที่พบได้บ่อย ดังนั้นภาวะใดก็ตามที่ทำให้มีฮอร์โมนเหล่านี้มากผิดปกติก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ด้วย ได้แก่

          คนไข้วัยทองที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเพียงอย่างเดียว สามารถกระตุ้นโรคนี้ได้              

          สมุนไพรยาสมุนไพรบางชนิดมีเอสโตรเจนปริมาณสูง เช่น กวาวเครือ และอีกหลายชนิดมีเอสโตรเจนแฝงอยู่โดยไม่รู้ การรับประทานสมุนไพรบางตัวจึงอาจทำเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้

          ความอ้วน คนที่มีน้ำหนักตัวมากจะมีการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้มากกว่าคนที่น้ำหนักตัวปกติ ดังนั้นยิ่งอ้วนมากยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้มากขึ้น

          ยารักษามะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังผ่าตัด มีความจำเป็นที่แพทย์จะให้รับประทานยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (ทามอกซิเฟน) ซึ่งยานี้จะกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติได้ จึงสมควรได้รับการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยควรจดความถี่ของประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าผิดปกติควรมาตรวจกับสูตินรีแพทย์

          ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หน้ามัน มีสิว หรือมีขนดกมากขึ้น

          นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก ได้แก่ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้หญิงที่ไม่มีลูก มีประวัติพันธุกรรมญาติสายตรงเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะการมีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็งแต่จะได้เฝ้าระวังดูแลและรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการ

1_resize

          อาการแสดงของโรค โรคนี้มักเริ่มแสดงอาการแต่เนิ่นๆ นั่นคือ มีเลือดออกทางช่องคลอด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้มักเกิดหลังอายุ 50 ปี ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนที่มีเลือดออกหลังหมดประจำเดือนไปแล้วควรรีบมาพบแพทย์ หากผู้ที่ยังไม่ถึงวัยทอง แต่ถ้ามีอาการเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่รอบเดือน เช่น ออกกระปริดกระปรอย หรือออกมามากและนานกว่าปกติ คือเกิน 7 วันต่อรอบ ก็ควรมาพบแพทย์เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงข้างต้น ยิ่งพบแต่ระยะแรกโอกาสหายยิ่งสูง หากมีอาการผิดปกติไม่ควรนิ่งนอนใจ

          การวินิจฉัยที่แน่นอนได้จากการนำชิ้นเนื้อในโพรงมดลูกไปตรวจทางพยาธิวิทยา วิธีการตรวจมีได้หลายอย่างไม่ต้องดมยาสลบ  การดูดเซลล์ โดยสอดหลอดเล็กๆเข้าไปในปากมดลูกเข้าไปเก็บเนื้อในโพรงมดลูก  หรือต้องขูดมดลูก หรืออีกวิธีคือการส่องกล้องเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อเก็บชิ้นเนื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาในการเลือกวิธี ซึ่งเมื่อเราได้ชิ้นเนื้อนั้นมาแล้ว หากมีเซลล์มะเร็งอยู่จะมีวิธีการรักษาต่อไป

          การรักษา การผ่าตัดเป็นวิธีหลักของการรักษาโรคนี้ที่เป็นทั้งการรักษาและกำหนดระยะของโรคสามารถทำได้โดยการผ่าตัดทั้งการผ่าตัดทางหน้าท้อง และการผ่าตัดผ่านกล้อง หลังจากผ่าตัดแล้วแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาต่อว่าผ็ป่วยควรได้รับการรักษาเพิ่มเติม เช่นการให้รังสีรักษา และการให้ยาเคมีบำบัด หรือไม่

          วิธีป้องกันตัวเอง เนื่องจากโรคนี้ไม่มีวิธีคัดกรอง คนไข้จะต้องสังเกตตัวเอง ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติก็ควรจะต้องมาพบแพทย์โดยเร็ว การลดความอ้วน ออกกำลังกาย และไม่ใช้ยาสมุนไพรโดยไม่จำเป็น ก็จะช่วยให้ลดการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ นอกจากนี้ปัจจัยที่พบว่าสามารถป้องกันโรคนี้ได้คือการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมกำเนิด

          สิ่งที่คุณหมออยากฝากกับผู้หญิงในปัจจุบัน…ปัญหาหลักของผู้หญิงในปัจจุบันคือไม่ยอมมาตรวจภายในเพราะว่าอาย มีเลือดออกทางช่องคลอดก็ไม่มาตรวจเพราะว่าไม่คิดว่ามีความสำคัญ ทำให้เสียโอกาสในการรักษาถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งมีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้

          ในปัจจุบัน กลุ่มงานสูตินารีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี พยายามหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ในการผ่าตัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องในผู้ป่วยที่เหมาะสม จะทำให้เกิดแผลเล็ก คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วและไม่ต้องค้างรพ.หลายวัน พบว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ามารักษาเฉพาะมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกของ รพ.ราชวิถี ปี 2015 – 2018 พบว่า โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีคนไข้มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกที่อยู่ในการดูแลถึง 570 คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจากสถิติในปี 2561 ที่ผ่านมา รพ.ราชวิถี รักษาผู้ป่วยมะเร็งมากถึง 15,670 คน เป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศปีละ 10,250 คน แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ บุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่จำเป็นต้องรักษาอาจต้องรอคิวการรักษายาวนานซึ่งการรอเพื่อรับการรักษาในผู้ป่วยโรคมะเร็งเหล่านี้ เป็นปัญหาสำคัญ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วโอกาสที่จะหายและสามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติจะมีมากขึ้น

uterus-01_resize

          ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน มาร่วมต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยที่รอโอกาสทางการรักษาโรคมะเร็ง ใน “กองทุนพิชิตมะเร็ง มูลนิธิรพ.ราชวิถี” โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี” หมายเลขบัญชี 0512163221 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลราชวิถี หรือ สอบถามโทร 02-3547997-9 หรือ www.rajavithifondation.com

ปิดความเห็น บน แพทย์ราชวิถีเตือน! เรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม “มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก”

อาหารบำรุงสมองและดวงตา สำคัญกับการเรียนรู้ของเด็กยุคดิจิตอล

อาหารบำรุงสมองและดวงตา สำคัญกับการเรียนรู้ของเด็กยุคดิจิตอล

Posted on 17 กันยายน 2019 by writer

อาหารบำรุงสมองและดวงตา สำคัญกับการเรียนรู้ของเด็กยุคดิจิตอล

BJR Academic Seminar05_800

            เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเพื่อการศึกษาไทย ร่วมกับ มูลนิธิส่งเสริมเด็กปัญญาเลิศ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ มูลนิธิเพื่อการศึกษาพิเศษในพระราชูปถัมภ์ และบริษัท แบรนด์ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานสัมมนาเรื่อง “ส่งเสริมทักษะเด็ก พร้อมรับยุคดิจิตอล” โดยมี รศ.ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร เป็นประธานและกล่าวเปิดงานสัมมนา โดยมีครูอนุบาล และบุคคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมงานสัมมนากว่า 300 คน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารวิจัยการศึกษาต่อเนื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)

BJR Academic Seminar02_800

ผศ.ดร.ชนิดา ปโชติการ นายกสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย บรรยายในหัวข้อ “อาหารบำรุงสมองและดวงตา…สร้างเด็กไทยให้พร้อมเรียนรู้” เปิดเผยว่าช่วงอายุ 4 เดือนแรกเกิด จนถึง 2-3 ปี จะเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและสติปัญญา จากการศึกษาพบว่า ถ้าเด็กได้รับโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงขาดกิจกรรมที่เสริมทักษะด้านร่างกายจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียนรู้และพัฒนาการดังนั้นการให้เด็กได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน โดยเฉพาะสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและดวงตา จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการเรียนรู้ในวัยเด็ก จนถึงวัยเรียน

การเรียนรู้ เกิดจากการทำงานร่วมกันของดวงตาซึ่งจะส่งภาพที่มองเห็นมาผ่านการประมวลผลเป็นข้อมูลยังสมอง โดยการมองเห็นนั้นส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคิด ความจำ รวมไปถึงพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหว ในยุคดิจิตอลที่เด็กเติบโตขึ้นมากับเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน การเรียนรู้ผ่านสื่อดิจิตอลไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล ค้นหาประสบการ์ณใหม่ๆ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เพิ่มโอกาสให้ดวงตาต้องเจอการทำร้ายจากแสงสีฟ้าที่มาจากจอต่างๆและแสงแดด เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นนอกจากสารอาหารหลักที่ต้องทานให้ครบแล้ว ปัจจุบันมีอาหารฟังก์ชั่น ซึ่งคือ อาหารหรือองค์ประกอบของอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกเหนือจากคุณค่าจากโภชนาการพื้นฐาน ให้เลือกหลากหลาย เช่น ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงสมอง และรวมไปถึงช่วยบำรุงดวงตา อาทิ

  • ซุปไก่สกัด เป็นโปรตีนที่ผ่านการย่อยเป็นเปปไทด์ ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที ผลจากงานวิจัยพบว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านความคิดและการจดจำ โดยช่วยให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนหน้า ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับการจำ การคิด และการตัดสินใจได้ดีขึ้น
  • ลูทีน เป็นหนึ่งในสารอาหารจำพวกแคโรทีนอยด์ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยดูดกลืนแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่ส่งผลทำลายจอประสาทตาได้ ลูทีนมีงานวิจัยพบว่าเป็นสารสำคัญที่พบในดวงตา มีหน้าที่ช่วยป้องกันเซลล์ที่จอประสาทตา นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยใหม่ๆ ที่ค้นพบคุณประโยชน์เพิ่มเติมของลูทีน ที่อาจช่วยเสริมพัฒนาการทางสมองรวมทั้งการเรียนรู้ในเด็กอีกด้วย
  • โคลีน สารโคลีนพบมากในเนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และธัญพืชไม่ขัดสี เป็นต้น ทำหน้าที่ช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและความจำ โดยมีผลวิจัยระบุว่าสมองของทารกที่มารดารับอาหารที่มีโคลีนนั้น จะมีความสามารถในการจดจำมากกว่าเด็กที่ได้รับโคลินน้อยกว่า

BJR Academic Seminar03_800

            รศ.พญ.ทิพยวรรณ หรรษาคุณาชัย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่า เมื่อเด็กเกิดจะมีเซลล์สมอง 100 พันล้านเซลล์ แต่สิ่งที่ทำให้เด็กเรียนรู้ได้เร็วคือการแตกกิ่งก้านสาขาของเซลล์ประสาท ยิ่งถ้ามีจุดเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทมากเท่าไหร่ กระแสประสาทจะวิ่งได้เร็วและมีช่องทางมากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรกระตุ้นพัฒนาการ และส่งเสริมศักยภาพเด็กอย่างเต็มที่ ในช่วงขวบปีแรก ดังนั้นอาหารที่เด็กได้รับจะไปช่วยพัฒนาสมองเป็นหลัก ทำให้เกิดการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และสามารถตั้งรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี

          ปัจจุบันในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 10 ขวบ จะถือว่าอยู่ใน Gen Alpha คือเด็กเกิดในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง คุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตในการค้นคว้าหาความรู้ และเล่นเกมส์ต่างๆ อย่างเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ยังพฤติกรรมคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเปิดกว้างรับความคิดเห็นและความแตกต่างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมด้านการเรียนรู้ให้เด็กๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และสามารถอยู่ในโลกอนาคตได้อย่างมีความสุข

          ทักษะสำคัญของบุคลากรในศตวรรษที่ 21ที่ต้องมีคือหลัก 4Cs ได้แก่ 1) Critical Thinking (การคิดวิเคราะห์) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ตามหลักเหตุผล รวมทั้งสามารถหาวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ 2) Communication (การสื่อสาร) ทักษะด้านการฟังและการอธิบายเป็นเลิศ สามารถใช้สื่อดิจิตอลได้อย่างชำนาญ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพูดคุยและแสดงความคิดเห็น 3) Collaboration (การทำงานร่วมกัน) มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ที่มีแนวคิด ความเชื่อ ความรู้ต่างกันเพื่อให้งานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4)Creativity (การสร้างสรรค์)มีความสามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และวิธีการใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น

BJR Academic Seminar01_800

            ทางด้านนางสาวศิรินุช ศรารัชต์ ผู้อำนวยการส่วนธุรกิจภาคการศึกษา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีดิจิตัลเข้าไปแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนรวมทั้งเด็กๆ ด้วย ซึ่งในปัจจุบันและในอนาคตต่อจากนี้ไปเทคโนโลยีดิจิตัลจะเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ในทุกธุรกิจ และทุกภาคส่วนให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของเด็กๆ ในวันนี้จึงจำเป็นอย่างมากต่อการใช้ชีวิตในสังคมอนาคต แต่พ่อแม่และคุณครูซึ่งเป็นบุคคลสำคัญให้การสร้างความรู้ความเข้าใจ และส่งเสริมศักยภาพเด็กๆ ต้องมีส่วนร่วม และปรับตัวให้ทันกับโลกปัจจุบัน และโลกอนาคตควบคู่ไปด้วย

BJR Academic Seminar06_800BJR Academic Seminar07_800BJR Academic Seminar04_800

ปิดความเห็น บน อาหารบำรุงสมองและดวงตา สำคัญกับการเรียนรู้ของเด็กยุคดิจิตอล

กันยายน 2019
พฤ อา
« ส.ค.   ต.ค. »
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30  

RELATED SITES